โ ห ร า ส า ด (ฉบับเรียนรู้โดยไม่ต้องถาม) โดย สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) บทที่ ๔ ที่มาของดวง ๑๒ ราศีจักร

บริการ ดูดวง ทางโทรศัพท์ โหราศาสตร์ 10 ลัคนา ไพ่ยิปซี โหราศาสตร์พม่า พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหา ทุกเรื่องทุกข์ใจ เรื่องในอนาคตที่คุณ อยากรู้คำตอบ ก่อนตัดสินใจ ความรัก คู่ครอง เนื้อคู่ แต่งงาน อาชีพการงาน การเงิน ครอบครัว ลูกหลาน บริวาร โรคภัย เรื่องที่ต้องระวัง โชคลาภ ข้อดีข้อเสียในภาพรวมพื้นฐานดวงชาตา
บริการ ดูดวง ทางโทรศัพท์ โหราศาสตร์ 10 ลัคนา ไพ่ยิปซี โหราศาสตร์พม่า พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหา ทุกเรื่องทุกข์ใจ เรื่องในอนาคตที่คุณ อยากรู้คำตอบ ก่อนตัดสินใจ ความรัก คู่ครอง เนื้อคู่ แต่งงาน อาชีพการงาน การเงิน ครอบครัว ลูกหลาน บริวาร โรคภัย เรื่องที่ต้องระวัง โชคลาภ ข้อดีข้อเสียในภาพรวมพื้นฐานดวงชาตา

ดูดวง โหราศาสตร์ไทย 10 ลัคนา ดูดวง ไพ่ยิปซี ดูดวงทางโทรศัพท์ การงาน การเงิน โชคลาภ ความรัก แก้เคล็ดเสริมดวง ตั้งชื่อเด็กแรกเกิด สามารถดูออนไลน์ได้ทั่วโลก

 

เรื่องนี้ ผมต้องขออภัยท่านผู้รู้อื่น เป็นต้นท่านโหราจารย์ผู้อาวุโส ที่อยู่ในระดับครูบาอาจารย์ หรือในหลายระดับ ที่ต่างก็มีความรู้ดีกว่าผม ที่จำเป็นต้องขออภัยเอาไว้  เพราะต่อไปนี้ หรือนับแต่นี้ไปผมอาจต้องเขียนอะไรที่ต้องขัดใจหรือสวนทางกับความคิดเห็นของท่านบ้าง ก็ขอให้ท่านโปรดอย่าได้ตำหนิกัน อภัยให้ผมด้วย โปรดระลึกว่าถึงอย่างไรผมก็ยังมีเจตนาดีต่อวิชาโหราสาดเหมือนเดิม

 

หากบางครั้งเกิดความคิดขึ้นมาว่า เรื่องของโหราสาด  มันน่าจะมีอะไรที่รวบรัดขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาค้นคว้าของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความรวดเร็วทันอกทันใจ สังเกตได้จากการที่โหราจารย์รุ่นเก่า ศึกษาค้นคว้ากว่าจะผูกดวงชะตาได้แต่ละคนต้องใช้เวลายาวนาน ต้องมานั่งตัดสมผุสดาวกันทีละดาว แล้วเดินอันโตนาทีกันไปทีละราศี ทีละนวางค์ ในขณะที่คนรุ่นใหม่แค่แตะนิ้วมือลงบนคีย์คอมฯ เพียง ๒-๓ ครั้ง ก็ได้ดวงชะตาออกมาได้ครบทุกอย่างยันดวงนวางค์จักร แล้วทั้งยังมีความเที่ยงตรงไม่ผิดเพี้ยน

 

อันว่าราศีจักรทั้ง ๑๒ หรือ ๑๒ ราศีจัก มันคือการแบ่งส่วนของโลกที่เราอาศัยอยู่ออกเป็น ๑๒ ช่องนั่นเอง ในแต่ละช่องมีจำนวนองศาเท่ากัน และเรียกขานแต่ละช่องกันไปตามเดือน ซึ่งมีอยู่ ๑๒ เดือนพอดีโดยเริ่มต้น

 

ราศีเมษ เป็นราศีที่ ๐  คือเอาเดือนเมษายนมาเรียกนั่นเอง ราศีนี้เป็นราศีชั้น ๑ ธาตุไฟ

ราศีพฤษภ เป็นราศีที่ ๑ อันนี้ก็ย่อมาจากเดือนพฤษภาคม เป็นราศีธาตุดิน ชั้น ๒

ราศีมิถุน เป็นราศีที่ ๒ เป็นชื่อย่อของเดือนมิถุนายน แต่ผมเรียกเมถุนจนชินปาก เป็นราศีธาตุลมชั้น ๓

ราศีกรกฎ เป็นราศีที่ ๓ เป็นชื่อย่อของเดือนกรกฎาคม เป็นราศีธาตุน้ำชั้น ๑

ราศีสิงห์ เป็นราศีที่ ๔ ชื่อย่อมาจากเดือนสิงหาคม เป็นราศีธาตุไฟชั้น ๒

ราศีกันย์ เป็นราศีที่ ๕ ชื่อย่อของเดือนกันยายน เป็นราศีธาตุดินชั้น ๓

ราศีตุลย์ เป็นราศีที่ ๖ มาจากชื่อย่อของเดือนตุลาคม เป็นราศีธาตุลมชั้น ๑

ราศีพิจิก เป็นราศีที่ ๗ ชื่อย่อของเดือนพฤศจิกายน เป็นราศีธาตุน้ำชั้น ๒

ราศีธนู เป็นราศีที่ ๘ ชื่อราศีมาจากเดือนธันวาคม เป็นราศีธาตุไฟชั้น ๓

ราศีมังกร เป็นราศีที่ ๙ ชื่อราศีมาจากเดือนมกราคม เป็นราศีธาตุดินชั้น ๑

ราศีกุมภ์ เป็นราศีที่ ๑๐ ชื่อราศีมาจากเดือนกุมภาพันธ์ เป็นราศีธาตุลมชั้น ๒

ราศีมีน เป็นราศีที่ ๑๑ ชื่อราศีมาจากเดือนมีนาคม เป็นราศีธาตุน้ำชั้น ๓

 

รวมกันทั้งหมดมี ๑๒ ราศี ๔ ธาตุ คือเมื่อนับวนทวนเข็มนาฬิกาว่า ไฟ ดิน ลม น้ำ นับแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ ๑๒ ราศีแล้วจะพบว่าธาตุหนึ่ง ๆ จะมี ๓ ราศีนั่นเอง ผมขอเตือนว่าตรงนี้ก็สำคัญนะครับต้องจำให้ขึ้นใจจนเห็นภาพลอยขึ้นมากลางอากาศทุกครั้งที่นึกถึงจึงจะเรียกว่าเข้าสายเลือด

 

จะอย่างไรก็ตามแม้จะข้ามมาถึงเรื่องของ ๑๒ ราศีจักร แล้จะละทิ้งส่วนสำคัญบางส่วนไปก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง ดังนั้นผมจึงขอแทรกสิ่งที่ว่าเอาไว้ตรงนี้  ให้ท่านผู้อ่านอันเป็นที่รัก  ลองพิจารณาดูเอาเองว่าจริงอย่างที่ผมว่าเอาไว้หรือไม่  นั่นคือการแบ่งโลกออกเป็นส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกับวิชาโหราสาด

 

เป็นที่รู้กันว่าโลกที่เราอาศัยอยู่มันก็เป็นดาวดวงหนึ่ง มองจากด้านใดก็ตามจะเป็นรูปทรงกลม เหมือนกับที่เรามองผลส้มโอ หรืออะไรที่คล้ายกัน ถ้าด้านที่เรามองเห็นเป็นด้านที่ได้รับแสงสว่าง อีกด้านหนึ่งก็จะมืด หากหมุนด้านมืดมาหาแสงสว่างบ้าง ด้านที่เคยสว่างจะกลายเป็นความมืดมาแทน ด้านมืดก็จะกลับสว่าง

 

 

เมื่อเป็นดังนี้โลกเราในเบื้องต้นจะถูกธรรมชาติแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือความมืดส่วนหนึ่ง สว่างส่วนหนึ่งเราเรียก ๒ ส่วนดังกล่าวว่ากลางวัน-กลางคืน  ถ้าเราต่างรับรู้และยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องลุ่มหลงมัวเมาอะไรเลย เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น เราสามารถนำเอา ๒ ส่วนนี้มาทายหรือพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ เพราะ ๒ ส่วนนี้ถูกควบคุมให้มืดหรือสว่างโดยพระอาทิตย์ พระอาทิตย์มีอิทธิพลต่อ ๒ ส่วนนี้มากหาประมาณมิได้ ขาดพระอาทิตย์เพียงดวงเดียว สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายจะมีได้อย่างไร?  พืชผักผลไม้จะเจริญเติบโตออกดอกออกผลมาให้เราได้ใช้บริโภคเพื่อสร้างพลังงานกันได้ละหรือ?

 

และการจะนำเอา ๒ ส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ในการทายหรือพยากรณ์ก็ไม่เป็นการยากเย็น เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าในส่วนที่เป็นกลางวันนั้นสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ ทั้งคน สัตว์ต่างต้องดิ้นรนทำมาหากิน ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด จะมีสิ่งเหล่านี้น้อยนิดที่ต้องไปดิ้นรนขวนขวายกันในภาคของกลางคืน ในภาคกลางคืนส่วนใหญ่เป็นภาคของการพักผ่อนหลับนอนเพราะ ความเหนื่อยล้า ออมแรงเอาไว้ในรอบใหม่ สลับกันไป แม้พืชผักไม้ต้นไม้ดอกหลายอย่างก็ต้องการพักผ่อนหลับนอน ท่านผู้อ่านที่รักลองจินตนาการดูจะเห็นชัดกว่าที่ผมพูดนำมาพอสังเขปนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง

 

โลกเราเมื่อแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือกลางวันกลางคืน ถ้าจะแบ่งออกไปอีกเพื่อต้องการรายละเอียดมากขึ้นโดยลากเส้นตรงอีกเส้นตัดกลางเป็นมุมฉากกับเส้นที่แบ่งโลกออกเป็นกลางวันกลางคืน ก็จะได้กลางวัน 2 ส่วน กลางคืน 2 ส่วน คิดแล้วก็เป็นส่วนกลางวันส่วนละ 6 ชั่วโมง กลางคืน 6 ชั่วโมงเท่ากัน นั่นหมายถึงว่ากลางวันจากพระอาทิตย์ขึ้น 06.00-12.00 น.ช่วงหนึ่งและอีกช่วงหนึ่ง 12.00-18.00 น. ภาคกลางคืนก็จะเป็น 18.00-24.00 น. ช่วงหนึ่งและอีกช่วงหนึ่งคือ 24.00-06.00 น.

 

ในช่วงเวลาดังกล่าวมาเราก็สามารถพยากรณ์ได้เช่นกันว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ผู้คนส่วนมากทำอะไร พักผ่อนหลับนอนหรือทำมาหากิน และช่วงไหนมากน้อยแตกต่างกันอย่างไร  แต่มนุษย์เราย่อมต้องอยากรู้อยากเห็นอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงได้ซอยส่วนแบ่งลงไปอีกให้เป็น 8 ส่วน ๆ ละ 45 องศา เป็นกลางวันและกลางคืนอย่างละ 4 ส่วน และการแบ่งก็ใช้หลักลากเส้นตรงตัดจุดตัดเดิมให้ได้มุม 45 องศา 2 เส้น และ 2 เส้นใหม่นี้ก็จะตัดกันเองที่มุม 90 องศาเหมือนคู่แรก  ตรงนี้หากท่านต้องการให้ง่ายขึ้นก็ขอได้โปรดเขียนรูปประกอบไปด้วยจะเป็นการช่วยประหยัดสมองเอาไว้คิดอย่างอื่นก็จะดีมาก

 

8 ส่วนนี้แหละเป็น 8 ส่วนที่สำคัญยิ่งในวิชาโหราสาด โดยเฉพาะในภาคการพยากรณ์  ขอให้ท่านทำความเข้าใจกับการแบ่งโลกที่เริ่มต้นมาจากการแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนคือกลางวัน กลางคืน แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน คือกลางวัน ๒ ส่วน กลางคือ ๒ ส่วน และก็มาถึงการแบ่งออกเป็น ๘ ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งก็หมายถึงว่ากลางวันมี ๔ ส่วน และกลางคืนมี ๔ ส่วน ส่วนหนึ่งก็จะมีเพียง ๔๕ องศา

 

บรรดาท่านเกจิโหราจารย์จึงได้นำ ๘ ส่วนนี้มาใช้ในการพยากรณ์แม่นยำขึ้นกว่าเดิม โดยกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม ให้เส้นตรงคู่แรกที่ตั้งฉากทำมุม ๙๐ องศา ด้านบนสุดเป็นทิศตะวันออก ด้านล่างเป็นทิศตะวันตก ส่วนเส้นนอนขวามือเป็นทิศใต้ ซ้ายมือเป็นทิศเหนือ เส้นตัดคู่ที่ ๒ อีกคู่หนึ่งถูกกำหนดเป็นทิศเฉียง คือตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้

 

และกำหนดเอาพระอาทิตย์หรือดาวอาทิตย์หมายเลข ๑ ครองทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดาวเสาร์หมายเลข ๗ ประจำทิศตะวันตกเฉียงใต้ ๒ ทิศนี้เป็นพื้นที่ของดาวธาตุไฟ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้ให้พระอังคารหรือดาวอังคารหมายเลข ๓ ครอบครอง ด้านตรงกันข้ามคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ให้ราหูหมายเลข ๘ ครอบครอง สองทิศดังกล่าวเป็นเรื่องของดาวธาตุลมครอบครอง ดาวที่ประจำอยู่ทั้ง ๔ ทิศนี้ล้วนเป็นดาวที่ให้โทษหรือที่เราเรียกกันว่าดาวบาปเคราะห์นั่นเอง  การจะให้โทษมากน้อยแค่ไหนท่านโหราจารย์ได้กำหนดกำลังของแต่ละดาวเอาไว้ว่า อาทิตย์ (๑) ให้มีกำลัง ๖ อังคาร (๓) กำลัง ๘ เสาร์ (๗) กำลัง ๑๐ และราหู (๘) กำลัง ๑๒  เพื่อให้ท่านจำง่ายเข้าสมองเร็วขอให้ท่านสังเกตุดูกำลังของดาวจะเพิ่มขึ้นมาทีละ ๒ เสมอ คือเริ่มมาจากอาทิตย์ (๑)

 

ส่วนที่เป็นทิศตรงคือทิศตะวันออก พระจันทร์หรือดาวจันทร์ หมายเลข ๒ ครอบครอง ทิศตะวันตกดาวพฤหัสบดี หมายเลข ๕ ครอบครอง นี่ก็เป็นดาวธาตุเดียวกันคือธาตุดิน และเป็นดาวในกลุ่มที่ให้คุณเรียกว่าเป็นดาวศุภเคราะห์ ด้านที่เป็นทิศใต้ตรงขวามือ ดาวพุธหมายเลข ๔ ครอบครอง ด้านที่เป็นทิศเหนือซ้ายมือ ดาวศุกร์หมายเลข ๖ สองดาวนี้เป็นดาวธาตุน้ำเหมือนกัน และเป็นดาวที่ให้คุณเช่นกัน หรือที่เรียกว่าดาวศุภเคราะห์ ส่วนกำลังของแต่ละดาวเริ่มที่ดาวจันทร์ (๒) มีกำลัง ๑๕ ดาวพุธ (๔) มีกำลัง ๑๗ ดาวพฤหัสบดี (๕) มีกำลัง ๑๙ ดาวศุกร์ (๖) มีกำลัง ๒๑ วิธีจำง่าย ๆ เริ่มต้นที่ดาวจันทร์ จะมีกำลังเพิ่มขึ้นทีละ ๒ เช่นกัน

 

ที่ผมบอกท่านอย่างนี้เป็นการบอกที่ง่ายที่สุด ซึ่งรับรองว่าพอท่านอ่านจบก็จะสามารถจำได้ในทันทีว่าดาวใดเป็นดาวศุภเคราะห์ ดาวใดเป็นดาวบาปเคราะห์ ดาวใดมีกำลังประจำตัวเท่าใด และอีกมุมหนึ่งท่านจะเห็นได้ว่าดาวทั้งบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ต่างก็สลับเรือนคุมเชิงกันอยู่ เปรียบเหมือนดำกับขาว ธรรมะกับอธรรม หยินกับหยาง

 

และตรงนี้ท่านก็จะได้ดาวอาทิตย์ (๑) กับศุกร์ (๖) ดาวจันทร์ (๒) กับราหู (๘) อังคาร (๓) กับพฤหัสบดี (๕) พุธ (๔) และ เสาร์ (๗) ต่างก็เป็นดาวที่ทางโหราสาดเรียกว่าคู่สมพลอีกอย่างหนึ่ง ถ้าอยากจะให้เห็นได้โดยง่าย  ให้ท่านลากเส้นเฉียงเป็นคู่ ๆ ก็จะเห็นได้ชัดขึ้น

 

ขอย้ำว่าการเรียนโหราสาด ถ้าต้องการให้จำง่าย เข้าใจง่ายต้องหัดเขียนรูปประกอบด้วยตนเอง  ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับนี้ผมเขียนด้วย Microsorf Word  เมื่อเขียนเสร็จ ตรวจทานแก้ไขเห็นว่ามีคำผิดหรือข้อความที่ไม่เหมาะสมมีน้อย จึงส่งเข้า Web เพื่อให้ท่านได้ศึกษากัน การจะต้องมานั่งเขียนรูป ประกอบจึงทำให้ไม่สดวกนัก

 

ก่อนจะผ่านไปถึงเรื่องอื่นผมขอสรุปเอาไว้ตรงนี้อีกครั้งว่า การแบ่งส่วนของโลกออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน คือกลางวันและกลางคืน

แบ่งออกเป็น 4 ส่วน เป็นกลางคืน 2 ส่วน กลางวัน 2 ส่วน

แบ่งออกเป็น 8 ส่วน เป็นกลางคืน 4 ส่วน กลางวัน 4 ส่วน และ 8 ส่วนนี้ผมก็ได้กล่าวไว้แล้วว่ามีส่วนสำคัญมากในการพยากรณ์ เพราะท่านโหราจารย์ท่านได้กำหนดดาวครอง กำหนดทิศ นอกจากนั้นยังได้กำหนดอักษรต่าง ๆ เอาไว้อย่างชัดเจนอีกด้วย ที่ท่านกำหนดไว้ก็เพื่อให้เป็นพื้นฐานขั้นต้น สำหรับการจะทายหรือพยากรณ์ ในความคิดอ่านของผม เห็นว่าทุกคนควรจะผ่านการเรียนรู้และพยากรณ์ใน 8 ส่วนนี้จนเชี่ยวชาญ  ก่อนจะก้าวไปถึงการพยากรณ์ 12 ราศีจักร ดวงตรียางค์จักร นวางค์จักร หรือแม้กระทั่งดวงทวาทศำศจักร