เรียนโหราศาสตร์สิบลัคนา อาจารย์สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) อาจารย์ผู้สอนวิชา 10 ลัคนา

 

14222138_1451795314847335_4631765679042537721_n

 อาจารย์สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน) ผู้สืบทอดวิชา 10 ลัคนา และเป็นครูที่ประสิทธิประสาทวิชาให้ข้าพเจ้า

********************************************************************************************************

 

 

เรียนอาจารย์สอ้าน

ผมหาตำแหน่ง บ้านของอาจารย์ จาก GPS
ได้ส่งข้อมูลมาให้อาจารย์ใช้ประโยชน์ เผื่อใครมาติดต่ออาจารย์ได้มาสะดวกครับ
นพ.สมยศ กิตติมั่นคง

ตำแหน่ง GPS บ้านอาจารย์สอ้าน นาคเพชรพูล 13.765736,100.735654

บ้านเลขที่ 105/355 ซอย 35/3 (หรือซอย 29 แยก 9-6) การเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ตำบลคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10250

หรือดูได้จาก Google map ที่https://www.google.co.th/maps/@13.765736,100.735654,3a,75y,199.28h,76.09t/data=!3m4!1e1!3m2!1sPuQmhsv8LmXfQ4KWTJt-

jw!2e0!6m1!1e1

Tel  : +66-949-656465
Tel+Line : +66-92-9924299Skype, Line ID : ksomyot

 

 

 www.10luckastro.com

เว็ปสิบลัคนาแอสโตรดอทคอม เป็นเว็ปเพื่อการศึกษาค้นคว้าวิชาโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนาโดยเฉพาะ  

หนังสือรวมดวงตัวอย่าง ๑๐ ลัคนา (ออกใหม่)

รวบรวมโดย

อ.สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน)

 

อ.สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน)

อาจารย์สอน๑๐ลัคนาตัวจริง ศิษย์สายตรงของ

เรียน ๑๐ ลัคนา

ไม่ต้องมากพิธี ไปหาผมที่บ้าน การเคหะร่มเกล้า ซอย 29 แยก 9-6

หรือ โซน 5 ซอย 35/3 เลขที่ 105/355

ลงทะเบียน จ่ายค่าเรียน

แล้วเรียนทันที คุณสะดวกเมื่อไหร่ไปเรียนเมื่อนั้น ขอให้นัดล่วงหน้า 1 วัน

ระยะเวลาเรียน ๆ จนเป็น ห้ามหนีเรียน ถ้ายังไม่เป็น

ใครเป็นหรือไม่เป็นผมให้ทายดวงให้ผมฟัง

 

อ.อรุณ เทศถมทรัพย์ รุ่นบางยี่ขัน 2516

 

 

สมัครเรียน ๑๐ ลัคนา 

 

การเรียนโหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นเดือน

หากท่านใจจริง สามารถเรียนรู้ได้ภายในอาทิตย์เดียวก็ทายดวงตัวเองและคนข้างเคียงได้

ท่านใดสนใจ อ่านรายละเอียดข้างล่าง

อ. สอ้าน นาคเพชรพูล (สีดิน)
T094-6909445   T092-1426499
โปรแกรมการหาฤกษ์ 10 ลัคน์และผูกดวง
v-4.1 ตรวจสอบเกณฑ์การให้ฤกษ์ตามตำนานการให้ฤกษ์ของ พันตรี หลวงวุฒิรณพัศดุ์
ไม่มีผิดเพี้ยน เช่น จักขุมายา ฤกษ์มหาศูนย์ กนกนารี กนกกุญชร การวางลัคนาตามราศีธาตุ
บอกเดือนการแต่งงาน ดิถีเรียงหมอน วารและดิถีมหาศูนย์ การปลูกบ้าน การตัดฤกษ์ ตัดดิถี ท่านใดสนใจติดต่อ
ได้ที่ T

 

 วัตถุประสงค์หลัก

 ๑. พื่อให้ทราบว่า ๑๐ ลัคนาคือโหราศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่แตกแยกออกมาจากดวงราศีจักรทั่วไป

 ๒.โหราศาสตร์ทั่วไปหาลัคนาจากดาวอาทิตย์เพียงดาวเดียว ในขณะที่ ๑๐ ลัคนาเอาดาวทั้งหมด ๑๐ ดาวมาหาลัคนา ตามเวลาเกิดหรือเวลาตกฟากเดียวกัน
 ๓.โหราศาสตร์ ๑๐ ลัคนา ใช้ดวงทักษาเดิมและทักษาจรมาประกอบการทาย คือ บริวาร เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี
 ๔. ดวง ๑๐ ลัคนา เอาดาวเจ้าเรือนทั้งของตนุเศษและดาวเจ้าเรือนลัคนามาทาย ทายตามความหมายของเจ้าเรือนนั้น ๆ เช่นปัตนิ ทายเรื่องคู่  อริ ทายเรื่องศัตรู ปุตตะทายเรื่องบุตรหลาน สหัชชะ ทายเรื่องเพื่อน ฯลฯ
 ๕.ใช้ดาวมาตรฐานเช่น มหาอุจ มหาจักร ราชาโชค เกษตร นิจ ประ เช่นเดียวกบดวงทั่วไป
 ๖. ใช้ดาวที่เป็น คู่มิตร คู่สมพล คู่ศัตรู คู่ธาตุ และความเกี่ยวพันของแต่ละดาวในตำนานโลกธาตุ(ชาติเวร)
 ๗.ใช้ดาวตรีวัยมาวัดการขึ้นลงของชะตา ในแต่ละรอบ ๘ ปี ๔ เดือน
 ๘. การทายในระดับสูงใช้ นวางค์ ตรียางค์ เข้ามาประกอบเป็นหลัก
 ๙. สำหรับคนที่เวลาเกิดไม่แน่นอนสามารถตรวจเช็คและหาเวลาเกิดได้เป็นนาที

ดวง 10  ลัคนา

โหราศาสตร์ 10 ลัคนา หรือที่เรียกกันโดยย่อว่าดวง 10 ลัคน์ เป็นวิชาการพยากรณ์วิชาหนึ่งที่ยึดหลักการทายมาจากดวงทั่วไปหรือลัคนาเดียว คือยังใช้ดวงเกษตรเป็นหลักของดาวเจ้าเรือนใน 12 เรือน การวัดความเข้มข้นของดาวที่จะให้คุณหรือให้โทษ โดยการใช้ดวงมาตรฐาน มหาอุจจ์ มหจักร ราชาโชค นิจ ปรป็นเครื่องวัด

สำหรับเรื่องของดวงทักษา 10 ลัคน์ไม่ใช้มหาทักษาการเสวยอายุ แต่ใช้ทักษาจรปีไปภูมิละ 1 ปี เมื่ออายุจรถึงภูมิอาทิตย์ ๑ ต้องนับปีถัดไปเข้าตากลาง และมี พฤหัสบดี ๕ เป็บริวาร พอปีต่อไปให้นับอายุย่างที่ภูมิจันทร์ ๒ จากนั้นก็นับไปตามปกดิ เน้นการหาดาวกาลกิณี เดช มนตรี ศรี ทั้งเดิมและจรมาประกอบทายควบไปกับดวงเดิมและดาวดาวจร

นอกจากนี้ก็ยังใช้คู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาติ คู่สมพล และยังใช้เกณฑ์ ปัศวะ นระ กีรฏะ อัมพุ ตรีวัยเช่นเดียวกับดวงราศีจักรทั่วไป

ต่างกันอย่างเดียวคือให้เอาราศี-องศา-ลิปดา ของดาวประจำวันเกิดมาหาลัคนาทั้งหมดตามเวลาเกิดหรือเวลาตกฟาก โดยไม่เว้น

ในขณะที่การผูกดวงทั่วไปหรือลัคนาเดียวใช้ดาวในปฏิทินดาราศาสตร์ คือ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ มา ลด-เพิ่ม องศา-ลิปดาตามเวลาเกิดหรือเวลาตกฟาก ที่เรียกตามภาษาโหรว่า “ตัดสมผุส ณ เวลาเกิด” ซึ่งส่วนมากก็ยังเป็นตำแหน่งดาวในท้องฟ้าเหมือนเดิม

ทำไมจึงต้องมีดวง 10 ลัคนา?

ตามความคิดของผม คิดว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง หรืออีกเส้นทางหนึ่งต่อการพัฒนาวิชาโหราศาสตร์ เพื่อผลของการพยากรณ์ที่ง่ายและกระชับ ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมหรือไม่มีข้อแม้มากจนสับสน

ผมเคยพบกับโหรอาวุโสท่านหนึ่ง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจมาเรียนโหราศาสตร์ ตาของท่านพิการ เป็นลุงของเพื่อนที่ทำงานอยู่แผนกเดียวกันกับผม คือแผนกนำเข้าและส่งออกสินค้ายาและเคมีภัณฑ์ของบริษัทชาวเยอรมันนี โหรอาวุโสดังกล่าว ท่านเคยทายดวงให้ผม เวลาท่านทาย ท่านจะถามย้ำถึงองศาลิปดาของดาวเสมอ และท่านทายแม่นยำดี โดยมีเพื่อนผมเป็นคนผูกดวงราศีจักร์ทั่วไปให้ ก่อนทายท่านจะถามถึงลัคนากี่องศา การถามถึงองศาของลัคนา นั่นน่าจะหมายถึงท่านต้องการทราบว่า ลัคนาเกาะนวางค์อะไร

เพราะคนเราแม้จะมีลัคนาสถิตราศีเดียวกันก็จริง แต่เมื่อองศาต่างกัน นั่นย่อมหมายถึงลัคนาเกาะนวางค์ที่ต่างกัน การต่างกันของนวางค์ของลัคนานี่แหละ ที่ทำให้ผลออกมาว่าเจ้าชะตานิสัยต่างกันไป

ยิ่งถ้ารู้องศาลิปดาของดาวอื่น ๆ ด้วยยิ่งเป็นการดี เพราะเราสามารถเอาองศาลิปดา ของดาวแต่ละดวงเข้าดวงนวางค์ได้ง่าย  หรือหากจะพัฒนาเป็นดวง 10 ลัคน์ด้วยการคำณวนในใจไปตามอันโตนาทีของแต่ละราศีก็ย่อมทำได้ไม่ยาก

ตรงนี้แหละที่ผมเริ่มสนใจ และอยากจะเรียนรู้บ้าง ก็พอดีที่ท่านถึงกรรม ก่อนที่ผมตัดสินใจเป็นศิษย์เพียงไม่กี่วัน !

จึงในวันที่รอเวลาฌาปนกิจศพ ผมจึงได้ปลีกตัวไปพบกับ อ. อรุณ เทศถมทรัพย์ ปรมาจารย์ทาง 10 ลัคน์ตัวจริงซอยบางยี่ขัน แล้วลงมือศึกษา 10 ลัคนาเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

การผูกดวง 10 ลัคนา ทำอย่างไร ?

ความจริงการผูกดวง 10 ลัคนา เข้าใจว่าหลายคนทำได้ ที่ผมกล่าวเช่นนี้ เพราะเมื่อใครก็ตามสามารถผูกดวงราศีจักรธรรมดา หรือที่ผมนิยมเรียกว่า ดวงลัคนาเดียวได้ โดยการนำเอาราศี-องศา-ลิปดาของอาทิตย์ในวันที่เจ้าชะตาเกิดมาผูกดวงหาลัคนาได้

ราศี-องศา-ลิปดาของดาวอื่น ๆ เช่นดาว ๒๓๔๕๖๗๘๙๐ ก็นำมาหาลัคนาได้เช่นเดียวกัน และกรรมวิธีการทำก็ทำแบบเดียวกัน ยกเว้น ๘ และเกตุ ๙ ที่ต้องย้อนกลับ เพราะเดินสวนทางกับดาวอื่น

แต่ลัคนาจะของดาวอะไรก็ตามเมื่อหาได้แล้วไม่ต้องใส่ ส หรือ ล แทน ใช้ดาวแต่ละดาวไปเลย ด้วยเหตุนี้ดวง 10 ลัคน์จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าดวงไม่มีลัคน์ เพราะไม่มี ส และ ล นั่นเอง

แต่ที่จริงแล้วเห็น อาทิตย์ (๑) สถิตราศีใด นั่นแหละเป็นลัคนาของคน ๆ นั้น ๑ จะเป็นลัคนาประธานที่สำคัญที่สุด ลัคนาของดาวอื่นเป็นลัคนาประกอบ หรือเป็นลัคนาบริวาร

เพราะตามหลักดาราศาสตร์แล้วดาว ๒๓๔๕๖๗๘๙๐ เป็นดาวบริวารของอาทิตย์ ไม่มีแสงสว่างของตนเอง ทว่าดาวดังกล่าวล้วนมีความสำคัญ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

คนมาจากดาวหรือดาวมาจากคน?

ในคน ๆ หนึ่งจะขาดดาวใดดาวหนึ่งไม่ได้เลย ทุกดาวมีเอกลักษณ์เกี่ยวข้องกับตัวเรา โดดเด่นไปคนละทิศทาง ดังผมจะนำมากล่าวให้เห็นชัดดังนี้

๑ อาทิตย์ เป็นดาวขนาดใหญ่ เป็นขุมกำลังของพลังงาน ความร้อน และแสงสว่างที่ก่อให้เกิดมวลมนุษย์และสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งปวง อาทิตย์โคจรไป ณ ที่ใดของโลก (โลกหมุนเอาด้านใดไปหาพระอาทิตย์)ที่นั่นจะสว่างไสว อบอุ่น ในความสว่างไสวยังได้แฝงเร้นพลังงานไปสู่มวลสัตว์โลก ตลอดจนพืชผักผลไม้ เมื่อเราบริโภคสิ่งดังกล่าว จึงมีพลังงาน สามารถทำอะไรได้อย่างเข้มแข็ง ถ้าเราขาดการบริโภคพืชผักผลไม้ก็ย่อมไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้

เมื่อเป็นดังนี้ก็เท่ากับว่า เพราะมีอาทิตย์เราจึงเกิดและมีชีวิตอยู่รอดได้ พืชพันธุ์ธัญญาหารก็เจริญเติบโต ขาดพระอาทิตย์โลกเราคงหนาวเหน็บจนไม่มีสิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน ในทางโหราศาสตร์กำหนดเอาอาทิตย์ไว้ทาย เกียรติยศ ชื่อเสียง ศักดิ์ศรี การยึดมั่นถือมั่นในตนเอง ท่านบุรพาจารย์ได้รจนาไว้ว่า ทายยศศักดิ์ ทายอาทิตย์

๒ จันทร์ ดาวดวงนี้แม้จะเป็นดาวเล็กแต่ก็เป็นดาวที่มีอิทธพลมาก และอยู่ใกล้โลก สามารถมองเห็นชัดเจนในข้างขึ้นดาวจันทร์ ๒ ในหลักของโหราศาสตร์ ใช้ทายโชคลาภประจำวัน เป็นดาวที่บ่งบอกถึงความสวยงาม ไม่ว่าของคนและสัตว์ถ้าจันทร์ ๒ในดวงชะตาของใครได้ตำแหน่งดี จะเป็นคนมีรูปร่างสวย มีเสน่ห์น่ารัก ตามตำนานกล่าวว่าทายจริตให้ทายจันทร์ ๒

ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนเราโดยตรง เมื่ออาทิตย์ ๑ ทำให้เราเกิดและมีชีวิต ดาวจันทร์ ๒ จะเข้ารับหน้าที่ความน่ารัก จะห็นได้ว่าเด็กหรือสัตว์เลี้ยงที่เกิดใหม่ อายุอยู่ในระหว่าง 8 เดือนถึง 1 ขวบจะน่ารัก

๓ อังคาร โดยพื้นฐานแล้วเอามาทายเรื่องความขยันขันแข็ง เอาจริง มีความพยามยามดี ค่อนข้างตรงไปตรงมา โผงผางแบบนักเลง เทียบกับเด็กในระยะ 1-2 ขวบที่จะซุกซน ไม่เคยหยุดนิ่ง นอกจากนอนหลับ ตามตำราโหรเอามาทาย กล้าแข็งขยัน

๔ พุธ ดาวดวงนี้เป็นดาวที่ทำหน้าที่เรื่องการหัดพูด จะพูดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับดาวในดวงชะตา เด็กที่มีดาวดวงนี้กุมลัคนาจะพูดได้เร็ว เด็กจะพูดชัดเจน หรือคล่อง อายุจะอยู่ในช่วง 3-4 ขวบ ดาวพุธ ๔ ตามตำนานเอามาทายเรื่องการพูดคือ พูดจาอ่อนหวานให้ทายพุธ ๔

๕ พฤหัสบดี ดาวดวงนี้เน้นเรื่องวิชาการ ความรู้ คุณธรรม ความรับผิดชอบ เด็กเมื่อพูดชัด พูดคล่อง ก็จะถูกส่งตัวเข้าโรงเรียน เพื่อการเรียนรู้วิชาการต่าง ๆ ช่วงการที่ต้องอยู่ในสถานการศึกษา เป็นช่วงยาวนาน จนเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว เฉพาะดาวพฤหัสบดี ๕ ทางโหรเอาทายเรื่องปัญญาบริสุทธิ์ ต้องทายพฤหัส

๖ ศุกร์ เอามาทายกามกิเลสกำดัด คือทายการลุ่มหลงมัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอันนุ่มนวล คนหนุ่มสาวทุกคนต้องผ่านตรงนี้ ไม่มีใครไม่อยากมีรูปสวย รสดีชอบกันทุกคน กลื่นหอมก็ชอบ เสียงเพราะก็ชอบ สัมผัสที่นุ่มนวล มีใครบ้างที่ไม่ชอบ? นอกจากนั้นดาวดวงนี้ยังหมายถึงการเงิน ดาวดี การเงินดี เมื่อมีเงินรูปก็ต้องสวยตาม รสก็ต้องเลือกแต่ที่เป็นเลิศ ฯลฯ และสุดท้ายความรักก็จะดีตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เคยเห็นใครที่มีเงินแล้วผิดหวังเรื่องความรัก จะมีบ้างเป็นส่วนน้อย

๗ เสาร์ เป็นดาวโทษทุกข์ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าทายโทษทุกข์ให้ทายเสาร์ คนเราเมื่อมีรักก็มีทุกข์เป็นของคู่กัน รักถ้าสมหวังเป็นสุข ๆ ทั้งกายทั้งใจ แต่ถ้าผิดหวัง จะเป็นทุกข์ รักเขาข้างเดียวเป็นทุกข์ ของรักถูกพรากหรือคนอื่นช่วงชิงไป เป็นทุกข์ จะมากหรือน้อยขึ้นกับดาวดวงนี้

๘ ราหู ดาวดวงนี้เขาว่าไม่ใช่ดาว เป็นเพียงเงา ผมว่าช่างมันเถอะจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่เท่าที่สังเกต เวลามันจรมาเล็งลัคน์ทีหนึ่งหรือทับลัคน์ทีหนึ่ง ก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย ทั้งด้านการงานการเงิน ปั่นป่วนไปหมด ตามตำนานเขาเอามาทายเรื่องมัวเมา ก็ต้องมัวเมาล่ะครับ เพราะมันเจอหลายปัญหาเหลือเกิน  งานก็ไม่มีทำ เจ้าหนี้ก็ทวง ความรักเริ่มขม แบบนี้ก็ต้องเมากันหน่อย เพราะพอเมาได้ที่แล้วมันลืมไปชั่วคราว หายเมาก็กลุ้มใหม่ เลยต้องดื่มระงับอีก กลายเป็นมัวเมาไปตลอดชาติ แต่มันก็มีดีเหมือนกันนะครับ ถ้ามันเกิดได้ตำแหน่งดีขึ้นมา

๙ เกตุ นี่เขาก็ว่าไม่ใช่ดาวเหมือนกัน ทางโหรเขาเอามาทายเรื่องอายุยืน ความจริงเรื่องอายุยืนนี่ เอาดาวอายุในดวงชะตามาทาย ชัดเจนกว่า แต่เมื่อตำนานเขาว่าอย่างนั้นก็ว่ากันไปตามตำนาน ไปขัดเขามากเดี๋ยวจะมีปัญหา แต่ก็ขอบอกให้คิดนะครับ….ไม่ต้องตอบหรอกว่า คนมันเมาทุกวัน…จะอายุยืนได้อย่างไร?

๐ มฤตยู เทพเจ้าแห่งความตาย ตามตำราโลกธาตุว่าทายอาเพทให้ทาย ๐ มฤตยู ดาวดวงนี้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าเล็งลัคน์ใครก็ทำลายคู่ แต่ก็เรียนโหราศาสตร์ได้ดี กุมลัคน์ก็เช่นเดียวกัน ขอเพียงในพื้นที่ที่มันอยู่อย่ามีอย่างอื่นอยู่ด้วยก็แล้วกัน มันจะทำลายทันที เช่นคนที่ดาวอายุกุมลัคน์แล้วมี มฤตยุ ๐ เล็งหรือทับลัคน์ จะเป็นคนขี้โรค แต่อายุยืน ดังนี้เป็นต้น อาจารย์ผมก็ถึงแก่มณะกรรมด้วยดาวดวงนี้ เพราะมันถอยหลังกลับเข้ามาในราศีที่ลัคนาอาจารย์ผมสถิต ผมจึงไม่ค่อยถูกกับมันสักเท่าใร

คือสรุปแล้วคนโบราณหรือโบราณาจารย์ท่านเป็นคนฉลาดชนิดที่คนสมัยนี้คิดไม่ถึง ที่เอาดาวทั้ง 10 ดวง คือ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ มาแทนเรื่องราวที่เกี่ยวกับคนได้อย่างเหมาะเจาะในแต่ละวัย

ดังนั้นจึงการจะสังเกตุความเป็นไปของชีวิตว่าดีหรือร้าย สังเกตุได้จากดาวเหล่านี้ เพราะท่านโบราณาจารย์ได้ทดสอบเก็บสถิติมาหลายรอบจนเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเราจะนำมาเปรียบเทียบกับสถิติศาสตร์ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน

การทายจร

เรื่องการทายจรเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างจะสับสน โดยเฉพาะคนที่เริ่มใหม่ ดังนั้นความคิดเห็นที่ผมจะเขียนต่อไป เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว  พบมาอย่างไรก็จะว่าไปตามที่เห็น ขออย่าได้ยึดเป็นตำรา โดยเฉพาะดวงในระบบที่ต่างไปจาก 10 ลัคน์ เพราะดวงแบบอื่นผมศึกษามาน้อยไม่ค่อยจัดเจน ถ้าขืนเอาข้อคิดเห็นนี้ไปใช้อาจจะไม่ตรงตามความเป็นจริงแล้วจะเกิดความเสียหายได้

หลัการทายจร มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ

1.การทายจรปัจุบัน หมายถึงเขามาหาให้เราทายหรือพยากรณ์เมื่อใดเราก็เอาดาวจรในขณะนั้นมาทาย

2.การทายจรอนคต เป็นการทายเหตุการที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า จะเป็นในระยะใกล้หรือไกลก็แล้วแต่ ตรงนี้เราต้องจำได้ว่า ณ เวลาที่ต้องการทายนั้นดาวอะไรโคจรอยู่ในราศีใด

3.การทายจรอดีต ทางหนึ่งเป็นการตรวขเช็ดดวงชะตาว่าถูกต้องหรือไม่ อีกทางหนึ่งเป็นการสร้างศรัทธาต่อผู้มาให้พยากรณ์ เพราะการทายเหตุการณ์ในอดีตถ้าถูกต้อง ก็จะได้รับความเชื่อถือ

การทายจรทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ การทายจรอดีตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทายผิดไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากจะมีชื่อเสียงในการเป็นโหรต้องระมัดระวังให้มาก และการจะทายจรดวงชะตาของคนที่เขาเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้า ควรกระทำเป็นอันดับแรก ก่อนจะทายเรื่องอื่น

บางคนหรือส่วนมาเราจะจับเอาดาว ๗-๘-๕-๓ มาทาย ยิ่งถ้าจับเอาตอนที่เป็นกาลกิณีจร ๆ เข้าทับลัคน์หรือเล็งลัคน์ยิ่งจะชัดเจนมาก

เช่นคนที่เกิดวันพุธ แล้วมีดาวอังคาร ๓ กุมลัคนาในดวงชะตา ปีไหนอังคาร ๓ จรเป็นกาลกิณี ซึ่งต้องมาถึงลัคน์แน่ ไม่ทับก็เล็งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทายเรื่องอุบัติเหตุ เสียเงินกับรถ เช่นซ่อมหรือเปลี่ยนรถ ถูกโกง เดือดร้อนเรื่องการเงิน มีคนมายืมแล้วไม่คืน ดังนี้เป็นต้น

สำหรับเสาร์ ๗ หรือราหู ๘ เล็งลัคน์ทับลัคน์ปีไหน ทายปีนั้น ยุ่งเรื่องงาน ออกจากงาน ย้ายบ้าน ย้ายงาน การเงินขัดข้อง ธุรกิจติดขัด ครอบครัวมีปัญหา(ถ้าเล็ง) ยิ่งถ้าเป็นกาลกิณีจรจะยิ่งให้โทษรุนแรง

เมื่อการทายจรอดีตผ่านไปด้วยดี เหลือการทายจรปัจจุบันและอนาคต เป็นเรื่องง่าย ๆ ทายไปตามเรือนชะตา 12 เรือน และเรือนทักษาอีก 8  เรือน

ขั้นต้นจับเอาตอนที่ดาวปัตตานิเป็นกาลกิณี ทายเรื่องคู่ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง หรือพูดกันคนละภาษา บางรายครอบครัวแตกแยก

ดาวกะดุมภะเป็นกาลกิณีรายจ่ายมากกว่าปกติ เดือนร้อนทางการเงิน

ดาวเจ้าเรือนสหัชชะเป็นกาลกิณี เพื่อนทำพิษเช่นยืมเงินแล้วไม่คืน หรือเพื่อนเลื่อยขาเก้าอี้คิดแย่งตำแหน่งงาน

หรือดาวอุตสาหะเป็นกาลกิณี เบื่องานออกจากงาน

ดาวมูลละเป็นกาลกิณี เดินทาง ขายของเก่ากิน อยากขายที่ขายบ้านปลดหนี้

ดาวมนตรีเป็นกาลกิณี ทายเรื่องขาดที่พึ่ง บางรายบิดามารดาเสีย คือร่มโพธิ์ทองหักโค่นนั่นเอง

ดาวอายุเป็นกาลกิณี เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล

สำหรับดาวพฤหัสบดี ๕ ถ้าเขาเรือนอริ มรณะ วินาสน์ เป็นกาลกิณีจร ออกจากงาน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้านาย ธุรกิจติดขัด การเงินหมุนไม่ทัน

ถ้าไม่เป็นกาลกิณีจร ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จรทับลัคน์ จรเข้าลาภะลัคนามีโชคทั้งปี จรเข้าเล็ง ได้คู่เหล่านี้เป็นต้น

ดาวศุกร์ ๖ หรือดาวพุธ ๔ ทายเรื่องโชคลาภประจำเดือนที่จรเข้าสัมพันธ์ดีต่อลัคนา ถ้าดาวศุกร์ ๖ จะเป็นเรื่องความรักและการเงินโดยเฉพาะ คือช่วงที่ดาวศุกร์ ๖ สัมพันธ์ดีกับลัคนา การเงินไม่ขัดข้อง ความรักหวานแหวว

ส่วนดาวพุธ ๔ เป็นลาภจากการติดต่อ การเจรจา การทำสัญญา คนที่เกิดวันอาทิตย์ใช้ได้ดี

อาทิตย์ ๑ หมายถึงการเดินทาง เดินทางเดือนไหนเอาอาทิตย์มาทาย การได้ตำแหน่งหน้าที่การงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ จรเข้าทับลัคน์เล็งลัคน์ทายได้ไม่ผิด

การทายจรโดยใช้ดาวจรที่กล่าวมาเป็นการทายเวลาดาวนั้น ๆ จรเข้าทับลัคน์ เล็งลัคน์หรือสัมพันธ์กับลัคน์ ส่วนดาวจรกระทบดาวในดวงชะตาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี

เช่นลัคนาสถิตราศีเมษ ในดวงชะตามมีดาวอังคารสถิตราศีกุมภ์  พออังคารจรๆ เข้ามาในราศีสิงห์ ก็เท่ากับ อังคารร่วมธาตุกับลัคนาและเล็งอังคารเดิม ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ แต่ถ้าที่ราศีกุมภ์มีดาวพุธอยู่ด้วย ก็ต้องทายระวังเจ็บปากเจ็บฟันด้วย เพราะอังคารจรเข้าเล็งพุธ

แบบนี้การอ่านหนังสือโลกธาติเรื่องชาติเวรบ่อย ๆ จะทำให้การทายจรดาวกระทบดาวหลากหลายขึ้น เพราะจะทำให้จำง่าย

ทว่าจะอย่างไรก็ตามอย่าลืมเรื่องทักษาเป็นอันขาด คือเอาทั้งทักษาเดิม ทักษาจรปี ทักษาจรเดือนได้ยิ่งดี เพื่อให้ดูง่ายไม่วกวน ให้คุณลองลากเส้นคู่ขนาน 2 เส้น แนวนอน ระหว่าง 2 เส้นห่างกัน 2 ซม. ยาวซัก  6  ซม. แล้วลากเส้นคู่ขนานอีก 2 เส้นในแนวตั้งให้มีช่องว่าห่างกัน 2 ซม.ตัดกับเส้นคู่ขนานเดิม จะเกิดช่องว่างที่เส้นคู้ขนานตัดกันรวมแล้ว 9 ช่อง ๆ กลางจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า

แต่ถ้าอยากเป็นโหรดังต้องทำดังนี้

1. ต้องจำและนับเลข ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ ได้ขึ้นใจ

2. ต้องจำได้ว่าเลขทั้งหมดนี้เขาเอามาแทนดาว 10 ดวง เริ่มกันที่ ๑ แทนดาวอาทิตย์ ๒ แทนดาวจันทร์ ๓ แทนดาวอังคาร ๔ แทนดาวพุธ ๕ แทนดาวพฤหัสบดี ๖ แทนดาวศุกร์ ๗ แทนดาวเสาร์ ๘ แทนดาวราหู ๙ แทนดาวเกตุ ๐ แทนดาวมฤตยู

3. เมื่อแทนดาวเรียบร้อยแล้วเขาก็กำหนดให้จำง่าย ๆ ว่า ทายยศศักดิ์ทายอาทิตย์ ๑ ทายจริตให้ทายจันทร์ ๒ ทายกล้าแข็งขยันทายอังคาร ๓ ทายอ่อนหวานให้ทายพุธ ๔ ทายปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส ๕ ทายกิเลสกำดัดให้ทายศุกร์ ๖ ทายโทษทายทุกข์ให้ทายเสาร์ ๗ ทายมัวเมาให้ทายราหู ๘ ทายอายุยืนให้ทายเกตุ ๙ ทายอาเพททายมฤตยู ๐

4. เมื่อจำได้ว่าดาวอะไรทายอะไร ก็ต้องจำเพิ่มอีกว่าดาว ๑-๗ เป็นดาวคู่ธาตุไฟ ๒-๕ เป็นดาวคู่ธาตุดิน ๓-๘ เป็นดาวคู่ธาตุลม ๔-๖ เป็นดาวคู่ธาตุน้ำ ๙-๐ เป็นดาวไม่มีธาตุ คือกลาง ๆ ตามตำนานเขาจัดให้เป็นวิญญาณธาตุ

5. เมื่อรู้ว่าดาวอะไรเป็นธาตุอะไร ต้องจำอีกว่า ดาวอะไรเป็นดาวที่เป็นคู่มิตรเช่น ๑-๕ ๒-๔ ๖-๓ ๘-๗ เขามีกลอนยกำกับว่า อาทิตย์เป็นมิตรกับครู จันทร์โฉมตรูพุธนงเยาว์ ศุกร์ปากหวานอังคารรับเอา ราหูกับเสาร์เป็นมิตรแก่กัน

6. ธรรมดาเมื่อมีดาวคู่มิตรก็ต้องมีคู่ศัตรูเช่น ๑-๓ ๒-๕ ๖-๗ ๔-๘  นี่คือคู่ศัตรูหลักที่ส่งผลชัดเจนดีเมื่อเอามาทาย

7. นอกจากที่ว่ามาแล้วยังมีดาวคู่สมพลอีก ที่ต้องจำได้ คือ ๑-๖ ๒-๘ ๓-๕ ๔-๗

8. เมื่อรู้เรื่องหรือจำได้มาถึงข้อที่ 7. แล้วก็ยังไม่จบ ต้องรู้ว่าดาวที่เป็นคู่ธาตุนั้นมันช่วยกันเสริมธาตุให้แก่กันและกัน เช่น ๑ กับ ๗ จะเสริมเรื่องชื่อเสียง ๒ กับ ๕ เสริมเรื่องการมีเสน่ห์และวิชาการดี  เรียนเก่ง ๔ กับ ๖ เสริมเรื่องความมีเสน่ห์และเซ็กซี่ด้วย ๓ กับ ๘ เสริมเรื่องความบ้าบิ่น หรือบ้าระห่ำมากกว่าปกติ ดังนี้เป็นต้น

9. สำหรับคู่สมพล คู่มิตร ก็คล้ายกันคือเพิ่มกำลังให้แก่กันและกัน

10. คู่ศัตรูนี่แน่นอนว่าเป็นการทำลายล้างกันให้พังกันไปข้างหนึ่ง จากข้อ 8.9.10. นี่ผมบอกเพียงสังเขปเท่านั้นนะครับ เอาพอเป็นตัวอย่าง ต้องหัดคิดเอาเองบ้าง จึงจะเก่ง

11.ขอสรุปว่าดวงดาวทั้ง 10 ดวงนี้เป็นดาวที่สำคัญมาก มีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากที่สุด

12.เมื่อรู้เรื่องดวงดาวแล้ว ก็จะมาถึงเรื่องของโลกที่เราอาศัยอยู่ โลกเราเป็นรูปทรงกลม เราต่างก็ปลูกบ้านเรือนทำมาหากินหลับนอนอยู่บนผิวโลก

13.โลกของเราเคยเห็นบางตำราเขาบอกว่าเป็นดาวดวงหนึ่ง คือดาวสีน้ำเงิน

14.โลกไม่มีใครไปแบ่งออกเป็นกลางวันกลางคืน มันเป็นของมันเอง คือข้างที่หันไปหาพระอาทิตย์เป็นกลางวัน ฝั่งตรงกันข้ามเป็นกลางคืน กลางวันคนและสัตว์ ต้องออกไปทำมาหากิน ส่วนที่เป็นกลางคืนคำมืดก็หลับนอนพักผ่อน สลับกันไปสลับกันมานานแล้ว จะนานสักกี่ปีผมเองก็ไม่ทราบ ไม่อยากจะเดาหรืออวดรู้

15. โลกเรามีการหมุนรอบตัวเองรอบหนึ่ง 24 ชม. เริ่มต้นกันที่ 6.00 น. ของทุกวัน พร้อม ๆ กันมันก็หมุนรอบพระอาทิตย์ไปด้วย 1 รอบใช้เวลาประมาณ 365 วัน จะครบรอบหนึ่งประมาณ วันที่ 13 เมษายนของทุกปี

16.เรื่องของโหราศาสตร์ เบื้องต้นเขาแบ่งโลกออกเป็น 4 ส่วน แล้วก็แบ่งออกเป็น 8 ส่วน แล้วก็เป็น 12 ส่วน แล้วก็เป็น 36 ส่วน แล้วก็เป็น 108 ส่วน แล้วก็แบ่งเป็น 144 ส่วน แล้วก็แบ่งเป็น 360 ส่วน

17. แต่ในที่นี้เราเอาเพียงการแบ่งออกเป็น 8 ส่วน และ 12 ส่วนมาใช้ก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เป็นหลักพื้นฐานของโหราศาสตร์

18. การแบ่งออกเป็น 8 ส่วนเขาเอามาใช้เป็นดวงทักษา โดยในแต่ละส่วนท่านบูรพาจารย์ได้จัดให้ดาว 8 ดาวเข้าครอบครองเป็นเจ้าของพื้นที่ (ลองเขียนภาพออกมานะครับ จะได้เข้าใจง่าย)

19. เมื่อเขียนภาพออกมาแล้ว ส่วนบนสุด จะเป็นทิศตะวันออก ตรงกันข้ามจะเป็นทิศตะวันตก ขวามือทิศใต้ ซ้ายมือทิศเหนือ นอกจะเป็นทิศเฉียง ลองนับเองบ้าง

20. สำหรับดาวที่เข้าประจำพื้นที่ดังกล่าวมีดังนี้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดาว ๑ ตรงกันข้ามกับทิศนี้คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ดาว ๗ ทิศตะวันออกตรงดาว ๒ ทิศตรงกันข้าม คือทิศตะวันตก ดาว ๕ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ คือดาว ๓ ตรงกันข้าม คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือดาว ๘ ทิศใต้ดาว ๔ ทิศตรงกันข้ามดาว ๖ ครบ 8 ทิศพอดี

21.ข้อควรสังเกตุ เพื่อให้จำง่าย ขอให้ท่านลองเขียนภาพขึ้นมา แล้วจะเห็นว่า ทิศตรงคือตะวันออกกับตะวันตก ดาวที่ครอบครองอยู่เป็นดาวธาตุดิน คือ ๒ และ ๕

22. ทิศตรงอีกคู่หนึ่ง คือทิศทิศใต้ และเหนือดาวที่ครอบครองอยู่คือ ๔ และ ๖

23. จะเห็นว่าดาวทั้ง 4 ทิศที่ว่าล้วนเป็นดาวศุภเคราะห์ทั้งนั้น คือ ๒๔๕๖

24. นับวนตามเข็มนาฬิกาจาก ๒๔๕๖ ดาวศุภเคราะห์ 4 ดาวนี้จะถูกกำหนดกำลังแต่ละดาวเอาไว้ เพื่อประโยชน์ในการจัดเป็นดาวคู่สมพลในโอกาสต่อไป โดยจัดให้ดาว ๒ มีกำลัง 15 ดาว ๔ มีกำลัง 17 ดาว ๕ มีกำลัง 19  ดาว ๖ มีกำลัง 21 คือกำลังจะเพิ่มขึ้นทีละ 2 ๆ เสมอ

25. เป็นเรื่องของดาวที่ครอบครองอยู่ในทิศเฉียง คือดาว ๑๓๗๘ เริ่มที่ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ

26. นับวนตามเข็มนาฬิกาเช่นกัน เริ่มที่ ๑๓๗๘ ดาวทั้ง 4 นี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นดาวบาปเคราะห์ จะมีกำลังของแต่ละดาวดังนี้ดาว ๑ กำลัง 6 ดาว ๓ กำลัง 8 ดาว ๗ กำลัง 10 ดาว ๘ กำลัง 12 กำลังประจำดาวจะเพิ่มขึ้นทีละ 2 เช่นเดียวกับดาวศุภเคราะห์ แต่เมื่อนำมารวมกันแล้วน้อยกว่า 1 เท่าตัว

27. ทีนี้ผมจะนำมาสรุปรวมกัน

28. ให้ช่องบนสุดเป็นทิศตะวันออก ตรงกันข้ามเป็นตะวันตก ซ้ายมือสุดเป็นทิศเหนือทขวามือเป็นทิศใต้ นอกนั้นเป็นทิศเฉียง

29. ช่องทิศตะวันออกเฉียงเหนือใส่ดาวอาทิตย์ ๑ วนไปทางขวามือช่องที่ 2 ใส่ดาวจันทร์ ๒ ช่องที่ 3 เป็นอังคาร ๓

30. ทีนี้ให้ดูช่องที่ตรงกันข้ามกับอาทิตย์ ๑ ให้ใส่ดาวเสาร์ ๗ คู่ธาตุไฟ

31. ช่องที่ตรงกันข้ามกับดาวจันทร์ ๒ ให้ใส่ดาวพฤหัสบดี ๕ คู่ธาตุดิน

32. ช่องตรงกันข้ามกับอังคาร ๓ ให้ใส่ราหู ๘ คู่ธาตุลม

33. ช่องตรงกันข้ามกับพุธ ๔ ให้ใส่ดาวศุกร์ ๖ คู่ธาตุน้ำ

34. นี่แหละครับคือดวงทักษา จากดวงทักษานี้เราจะได้ดาวที่เป็นคู่ธาตุ ๑๗-๒๕-๓๘-๔๖ ครบสี่คู่

35. ได้คู่สมพล ๑๖-๒๘-๓๕-๔๗

36. ต้องจำให้ได้นะครับ รวมทั้งคาถากำกับ คือ บริวาร-อายุ-เดช-ศรี-มูลละ-อุตสาหะ-มนตรี-กาลกิณี

37. หลักการใช้ดวงทักษา คือ เกิดวันใดให้ใช้ดาวประจำวันเกิดเป็นบริวาร…..เช่นเกิดวันจันทร์ ๒ ก็เป็นบริวาร เกิดวันพฤหัสบดี ๕ เป็นบริวาร ฯลฯ

ท่องให้จำก่อนนะครับแล้วจะมาต่อให้อีก

 
หลักสูตรการเรียนการสอน
การเรียน ที่ดีที่สุดคือไปเรียนด้วยตนเองตัวต่อตัว รองลงมาเรียนทางอีเมล ทางไปรษณีย์
ค่าเรียน ๒๒,๐๐๐ บาท(สองหมื่นสองพันบาทถ้วน) ตำราฟรี ๖ เล่มพร้อมโปรแกรม ๑๐ ลัคนาและให้ฤกษ์ทำการมงคล
ท่านสามารถเลือกวันเวลาเรียนได้ตามสะดวกสัปดาห์ละ ๑ วัน ๆ ละ ๒ ชม.
กำหนดเวลาเรียน ๑๒ เดือนจบ จะมีการสอบพยากรณ์จากดวงจริง หากท่านใดต้องการหนังสือรับรองก็จะออกหนังสือรับรองให้
รับสมัครทุกวัน สมัครได้ที่
อ.สอ้าน นาคเพชรพูล(สีดิน), เณร อยู่นาน, ฐานทอง อยู่เย็น